November 20, 2023
ตั้งแต่ PDPA หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 2562 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา PDPA Core เชื่อว่าผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยคงเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา มีหลายองค์กรในประเทศไทยเผชิญกับเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล ทั้งกรณีสายการบินถูกแรนซัมแวร์ลอบขโมยข้อมูลลูกค้า กรณีสถาบันการแพทย์ถูกแฮกข้อมูลคนไข้ จนกระทั่งล่าสุดในเดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา ก็มีเหตุการณ์แฮกเกอร์ชื่อ “9near” อ้างว่ามีข้อมูลหลุด 55 ล้านคน ส่งผลกระทบในวงกว้างและทำให้หลายคนหวั่นวิตกไม่น้อย
เหตุการณ์ในครั้งนี้ นอกจากสร้างความกังวลให้กับผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ยังสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการหรือแนวปฏิบัติที่มีอยู่ของหลายองค์กร อาจยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลออกไป โดยกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กำหนดให้ผู้ประกอบการในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และต้องไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นให้แก่บุคคลอื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตาม PDPA หรือปฏิบัติตามไม่ครบถ้วน ผู้ประกอบการก็มีความเสี่ยงที่จะต้องรับผิดตามกฎหมาย โดยความรับผิดแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ความรับผิดทางแพ่ง ความรับผิดทางอาญา และโทษทางปกครอง ดังนี้
ผู้ประกอบการจะต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการละเมิดข้อมูล และอาจต้องชดใช้เพิ่มเติมสูงสุดอีก 2 เท่าของค่าเสียหายจริง ไม่ว่าผู้ประกอบการจงใจหรือประมาทก็ตาม (เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือเกิดจากการกระทำหรือละเว้นการกระทำของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเอง หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย)
ในทางอาญา โดยปกติโทษ PDPA จะสามารถยอมความกันได้ โดยความผิดเกิดจากการที่ธุรกิจในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนำไปสู่โทษทางอาญาทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งรายละเอียดก็จะมีดังนี้
การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยผู้ควบคุมข้อมูล ซึ่งอาจทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเกิดความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ความผิดฐานเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ตาม PDPA แล้วนำไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การกระทำความผิดนั้นเกิดจากการที่ผู้ประกอบการแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดเป็นนิติบุคคล ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวเกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของกรรมการหรือผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงานของนิติบุคคล หรือในกรณีที่บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่ต้องสั่งการหรือกระทำการแต่กลับละเว้นไม่สั่งการหรือกระทำการนั้น ๆ กรรมการหรือผู้จัดการหรือบุคคลซึ่งรับผิดชอบการดำเนินงานของนิติบุคคลดังกล่าว ก็จะต้องรับโทษทางอาญาตามความผิดนั้น ๆ ที่เกิดขึ้นด้วย
โทษปรับทางปกครองของผู้ประกอบการประกอบด้วยหลายฐาน สรุปสาระสำคัญดังนี้
การกระทำที่เป็นความผิด เช่น เก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากฐานทางกฎหมาย ไม่ขอความยินยอมให้ถูกต้อง โทษปรับตั้งแต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท ถึงไม่เกิน 5,000,000 บาท
การไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ตามความรับผิดชอบ เช่น ไม่แจ้งเจ้าของข้อมูลถึงการเก็บข้อมูลจากเจ้าของข้อมูล โอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม โทษปรับตั้งแต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท ถึงไม่เกิน 3,000,000 บาท
เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่องค์กรของเราจะโดนฟ้องดำเนินคดีทางแพ่งและถูกลงโทษทางอาญาและปกครองตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ภายในองค์กรควรจะมี DPO (Data Protection Officer) หรือ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษา ดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดขององค์กรทั้งภายในและภายนอกให้ปลอดภัยและสอดคล้องตาม พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) อีกทั้งประสานงานและร่วมมือกับสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อเกิดปัญหาข้อมูลรั่วไหลจากองค์กร รวมถึงจะต้อง
ถึงแม้ความรับผิดขององค์กรจากการทำข้อมูลรั่วไหลตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA จะมีความรุนแรงแค่ไหน แต่อีกสิ่งที่องค์กรจะสูญเสียไปก็คือความเชื่อมั่นของลูกค้าในตัวองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะกู้คืนมาได้และมีความสำคัญอย่างยิ่งในการดำเนินธุรกิจขององค์กร
ดังนั้น หากองค์กรของคุณไม่อยากต้องมาเสี่ยงกับเหตุการณ์เช่นนี้ PDPA Core มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมืออาชีพ ที่เข้าใจเกี่ยวกับ PDPA ในเชิงลึก พร้อมกับบริการให้คำปรึกษา จัดทำ และตรวจสอบ PDPA ในองค์กร เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณเป็นไปตามกฎหมาย PDPA ได้อย่างถูกต้อง พร้อมเครื่องมือ Software อำนวยความสะดวกด้าน PDPA
*ติดต่อเราได้ที่ sales@datawow.io หรือโทร 02-024-5560 *
ให้คำปรึกษาและดำเนินการ
ให้ธุรกิจของคุณ สอดคล้องกับ PDPA
บริษัท เดต้า ว้าว จำกัด
1778 อาคารซัมเมอร์ฮับ ออฟฟิศ, ชั้น 6 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110 ประเทศไทย